Home ข้อคิด (ฝากถึงคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป) อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ตลอด

(ฝากถึงคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป) อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ตลอด

(ฝากถึงคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป) อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ตลอด

(ฝากถึงคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป) อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ตลอด

บทความที่นำมาฝากกันในวันนี้เป็นเรื่องจากประสบการณ์ของผู้ที่มีอายุมาก ที่ต้องการจะบอกกับคนหนุ่มสาววัยกลางคนหรือวัยทำงานรวมทั้งวัยรุ่นให้เตรียมรับมือและทำความเข้าใจกับเรื่องที่ต้องพบเจอในชีวิตทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เงิน ความสัมพันธ์ เพื่อน คนรัก รวมถึงครอบครัวและความมั่นคงในชีวิต

เพื่อนแท้

ส่วนมากจะมีแค่ช่วงวัยเรียนที่จะเป็นเพื่อนแท้ของเราจริงๆ เพื่อนที่ไม่ได้ไม่เสียผลประโยชน์จากกันและกัน คอยช่วยเป็นที่ปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ในวัยทำงานมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบกับเพื่อนที่มีความจริงใจและรักเรามากเหมือนเพื่อนสนิทในวัยเรียนที่ผูกพันกันมานานกว่าและสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่ทำงาน

ชีวิตคู่

การที่คน 2 คนมาอยู่ด้วยกันจะเริ่มมองเห็นถึงความเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง หากคู่หรือคนรักไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากันได้ในที่สุดก็จะต้องแยกทางกันหรืออยู่อ ย่ า งไม่มีความเอื้ออาทรต่อกัน

อาชีพหน้าที่การงาน

งานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แม้เราจะต้องทำงานแทบจะตลอดเวลาเพื่อหาเงินในการดำรงชีวิต แต่การจัดแบ่งเวลาให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆหรือการพักผ่อน จะช่วยให้สามารถบาลานซ์ชีวิตได้ดีขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นได้โดยใช้เวลาน้อยลง

ชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่มีความแน่นอน

ทุกคนควรเข้าใจและยอมรับว่า ทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่จะคงเดิมได้ตลอดกาล

ความล้มเหลวในชีวิต

ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดีหากรู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งของตัวเองและของผู้อื่น เราสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้

ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาวันเวลาของคนเราก็เหลือน้อยลงทุกวัน การก้าวเข้าสู่วัยชราเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวแต่ความจริงแล้วทุกคนก็ต้องมาถึงวัยชรากันอ ย่ า งไม่มีข้อยกเว้น 9 วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้เป็นข้อคิดเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้เข้าสู่วัยเกษียรหรือวัยชราได้อ ย่ า งมีความสุข

1 สุขภาพระยะ ย า วสำคัญมาก การใช้งานร่างกายทำงานอ ย่ า งหักโหม พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่มีประโยชน์และความเครียด จะทำให้ร่างกายสะสมความตึงเครียดเอาไว้ แล้วแสดงอาการออกมาเป็น โ ร คร้ า ยต่างๆ การดูแลตัวเองทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต จึงเป็นสิ่งที่ควรพัฒนาตัวเอง อ ย่ างมาก

2 ไม่คิดเล็กคิดน้อย เมื่อถึงวัยนี้ควรมีความเข้าใจในชีวิตอ ย่ า งถ่องแท้แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่ า งมีความสุข ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยก็สามารถมีความสุขได้เพราะทุกสิ่งทุกอ ย่ า งเกิดขึ้นที่ใจของเราและวิธีการมองโลกของเราจะเปลี่ยนไป เมื่อถึงวัยนี้ไม่ควรที่จะเสียเวลากับเรื่องคนอื่นให้น้อยลง แต่ควรใส่ใจจิตใจภายในของตัวเองให้มากขึ้น เช่นการศึกษาธรรมหรือเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต

3 อ ย่ าปล่อยให้ความทุกข์แย่งเวลาที่เหลือในชีวิตของคุณไป ผู้ใหญ่หลายคนแม้จะอายุมากแล้วแต่ยังคงมีความคิดที่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ หากไม่เป็นดังใจก็เกิดความไม่พอใจกลายเป็นสร้างความทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น เมื่อคุณส่งลูกหลานถึงฝั่งเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะทุกชีวิตต่างมีเส้นทางของตัวเองและเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นดังใจเราได้ทุกอ ย่ างเสมอไป

4 ไม่ทวงบุญคุณ การใช้ชีวิตส่วนมากในการทำงานหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูบุตรหลานนั้นเป็นหน้าที่ของเราในช่วงอายุที่ยังทำงานได้ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ การเรียกร้องทวงบุญคุณจากลูกหลานไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกหรือทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นได้แต่อ ย่ างใด เมื่ออายุมากขึ้นก็ควรทำตัวให้สมกับวุฒิภาวะ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลาน

5 มีความสุขเลยตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอให้มีเงินทองมากๆแล้วค่อยอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข การขอบคุณกับทุกลมหายใจที่เรายังมีอยู่ในวันนี้เป็นความสุขเล็กๆที่หากใครสามารถมองเห็นได้ก็จะเข้าใจว่าเป้าหมายของชีวิตไม่ใช่ปลายทางแต่เป็นเรื่องราวความทรงจำระหว่างทาง ต่างหากที่จะเป็นความสุขที่เราเอื้อมถึงได้ทันที

6 ไม่ฝากชีวิตไว้กับใคร การดูแลตัวเองไม่หวังพึ่งหรือเป็นภาระให้กับลูกหลานวัยเรียนหรือวัยทำงาน หากมีสุขภาพที่แข็งแรง แม้จะอายุเยอะแต่ก็ยังสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องมีคนคอยดูแล แต่หากป่วยก็จะทำให้หมดกำลังใจไป ดังนั้นสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและควรดูแลร่างกายตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยๆจะทำให้เราก้าวเข้าสู่วัยชราได้อย่ า งแข็งแรง สดชื่นและมีความสุข

7 หยุดซื้อของที่ไม่จำเป็น ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆเป็นสิ่งของภายนอก การใช้เงินซื้อความสุขที่ไม่มีตัวตนจึงเป็นเรื่องอั น ต ร าย เพราะคนเรามักมีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด หากใช้ชีวิตด้วยการใช้เงินจนหมดไม่มีเหลือเก็บหรือลงทุนต่อยอดใดๆ อาจทำให้คุณถังแตกตอนแก่ กลายเป็นภาระให้กับลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงานและวัยสร้างเนื้อสร้างตัว

หากต้องการดูแลตัวเองได้ให้ลองนับอายุปัจจุบันถึงอายุที่คิดว่าจะตายตอนอายุเท่าไหร่แล้วสำรองเงินเอาไว้ใช้ในส่วนนี้เช่น อายุ 50 ปีควรมีเงินใช้ตอนเกษียณเท่าไหร่ให้บวก 10 ปี เช่น

อายุ 51 ควรมีเงินสะสมสำหรับใช้ 10+1 = 11 ปี

อายุ 52 ควรมีเงินสะสม 12 ปี

อายุ 60 ควรมีเงินสะสม 20 ปี ซึ่งจะเป็นเงินที่เราใช้ในช่วงก่อนจะสิ้นอายุไขนั่นเอง

8 อ ย่ าเสียเวลากับการเล่นโซเชียล คนวัยนี้ควรใช้โซเชียลในทางที่ถูกต้องได้อ ย่ า งสมวัย คือใช้สำหรับติดต่อเพื่อนๆ ครอบครัว อ่านข่าว อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลงที่ชอบ และไม่ควรจิดตกกับการเสพข่าวปลอมหรือข่าวลบๆในสังคมโลกให้มากนัก

9 เลิกคิดถึงความผิดพลาดที่ผ่ า น ม า ไม่ว่าใครก็เคยทำพลาดกันได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะร้ า ย แรงแค่ไหน แต่หากวันนี้คุณสามารถกลับมายืนในจุดที่สามารถตั้งสติได้ ให้เลิกบั่นทอนกำลังใจตัวเองด้วยการคิดถึงความผิดพลาดหรือปมชีวิตที่ผ่ า น มาซ้ำๆ เพราะนอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังทำให้เสี่ยงเป็นโ ร ค ซึม เ ศ ร้ าได้อีกด้วย

10 ไม่จำเป็นต้องแคร์คำพูดคน คนพูดไม่เคยจำ คนฟังไม่เคยลืม หากเรายังติดนิสัยเก็บถ้อยคำตำหนิ ด่าทอ จากใครก็ตาม มันเป็นเรื่องของคนอื่น สิ่งที่เขาพูดไม่ดีถึงเราไม่สามารถทำอะไรเราได้หากเราไม่เก็บมาคิดซ้ำๆ หรือพย า ย ามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของคนอื่น จะทำให้เราขาดความสุขในการใช้ชีวิตของตัวเองไป เรียกว่าเสียเวลาชีวิตมากเลยทีเดียว

ทั้ง 10 ข้อนี้ เหมาะสำหรับผู้คนทุกวัยโดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่ส่วนมากจะหมกมุ่นกับการหาเงินจ่ายหนี้สินหรือสร้างฐานะ แต่การทุ่มเทชีวิตให้กับงานหรือเงินนั้นไม่สำคัญเท่าความใส่ใจของตัวเราที่ต้องดูแลสุขภาพทั้งกายและใจของเราเองต่างหาก การก้าวเข้าสู่วัยชราจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเศร้าหากเราเข้าใจในข้อคิดต่างๆเหล่านี้มากพอ

เรียบเรียงโดย krustory

Load More Related Articles
Load More By Krustory-R
Load More In ข้อคิด

Check Also

ขอบยางในตู้เย็น “ขึ้นรา” ติดแน่น ขัดไม่ออก แค่ทำตามนี่สะอาดเอี่ยม

ขอบย า งในตู้เย็น “ขึ้นรา” ติดแน่น ขัดไม่ออ … …