ลงทุนน้อย แพ็คขนมปี๊บส่งร้าน ไม่ต้องหน้าร้าน ทำง่ายกำไรงาม
ทุกวันนี้การมีรายได้เสริมหรือมีรายได้จากทางอื่นที่ไม่ใช่งานประจำเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังทำกันอยู่ เพราะรายได้จากงานประจำเพียงอ ย่ า งเดียวไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายกัน วันนี้เราเลยนำอีกหนึ่งไอเดียดีๆในการสร้างรายได้เสริมให้ตัวเอง โดยใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำเสริม ก็จะช่วยให้มีเงินเข้ากระเป๋าอีกทางหนึ่งที่น่าทำ
การขายขนมปี๊บส่งขายตามร้านค้าในชุมชน เป็นสิ่งที่ทำรายได้อย่ า งแน่นอน ถ้าเราขยันหาร้านส่งให้ได้ อ ย่ า งต่อเนื่อง เราก็จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้โดยที่สามารถทำส่งเป็นประจำทุกเดือนหรือส่งทุกสัปดาห์ก็ได้เช่นกัน
กลุ่มตลาดที่ส่งขนมจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มลูกค้าระดับบน เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีศักยภาพในการซื้อมากกว่า ฃนมของเราจะอยู่ตามร้านกาแฟสวยๆ การจัดแต่งและเลือกชนิดขนมก็ต้องเลือกให้ดีและคุ้มต้นทุน รวมทั้งการลงทุนเรื่องแพคเกจขนมจะต้องดูสวยงาม น่ารัก โดยส่วนมากจะอยู่ในช่วงราคาเริ่มต้นตั้งแต่ เราส่งให้ร้านลูกค้า 18 บาท ร้านก็จะนำไปขายต่อ 25 บาท เป็นต้น
ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับล่าง จะเป็นกลุ่มคนและร้านค้าในย่ า นที่ผู้ซื้อหรือลูกค้าของร้านจะเป็นร้านขายของชำในห มู่ บ้ า น ร้านขายของเล็กๆน้อยๆ หรือตามสหกรณ์ต่างๆ ราคาที่เราส่งให้ร้านลูกค้าจะค่อนข้างถูกเพราะไม่ต้องซีเรียสเรื่องการบรรจุหรือแพคเกจธรรมดาทั่วไป ประมาณชิ้นละ 8 บาท โดยร้านค้าก็สามารถนำไปขายต่อ 12-15 บาทก็ได้เช่นกัน
หลังจากที่เราเข้าใจกลุ่มลูกค้าที่เราจะนำขนมไปเสนอขายแล้ว ก็เริ่มต้นคิดต้นทุนที่ต้องใช้ทั้งหมดโดยเจ้าของไอเดียแนะนำว่า ควรมีต้นทุนอ ย่ างน้อย 10,000 บาท โดยแบ่งการใช้จ่ายเป็น
1 ขนมปี๊บที่ต้องการนำมาขาย โดยเลือกได้หลากหลาย ปี๊บนึงจะมีขนาด 5 กก. ราคาตกปี๊บละ 280-450 บาท แตกต่างกันตามชนิดขนม เริ่มต้นทดลองจาก 10 ปี๊บก่อน
2 เครื่องซีลถุงขนม ราคาประมาณ 850-3,000 บาท ให้เลือกใช้ตัวเล็กๆก่อน สำหรับแม่ค้ามือใหม่
3 ถุงหรือกล่องใส่ขนม หรือที่เรียกว่าแพกเกจจิ้ง เป็นการเลือกแบบที่ช่วยทำให้ขนมของเราน่าซื้อและสวยงามมากขึ้น โดยทำการใช้โลโก้ของเราเองติดไว้กับห่อขนมด้วย จะช่วยเพิ่มความน่าซื้อได้ เงินทุนสำหรับส่วนนี้ไม่ควรเกิน 2,000 บาท
การเลือกถุงใส่ขนมนั้น หากเป็นร้านกาแฟก็ต้องเลือกแบบให้สวยงามเหมาะกับการใส่ขนม แต่ถ้าเป็นร้านทั่วไปก็สามารถใช้ถุงขนาดพอดีซีลถุงให้เรียบร้อยก็พอ ราคาถุงธรรมดาจะถูกกว่ากล่องหรือห่อขนมสวยๆมาก ซึ่งก็เป็นต้นทุนที่ต่างกันของการส่งขนมทั้ง 2 กลุ่มลูกกค้า
โดยเจ้าของไอเดียนี้แนะนำว่าควรทดลองชิมขนมที่เราขายด้วย จากนั้นก็เลือกซื้อได้ตามต้องการ และเริ่มต้นการคำนวณต้นทุนของขนมแต่ละแบบ เมื่อขายแล้วได้กำไรกลับมาเท่าไหร่ต่อขนม 1 กก. และต้องบวกค่าน้ำมันซึ่งจัดว่าเป็นค่าขนส่งเข้าไปด้วย เพื่อตัดสินใจว่าจะปรับเปลี่ยนการจัดขนมอ ย่ างไรให้ขายดีและได้กำไรมากขึ้นได้โดยที่ไม่ขายแพงหรือถูกจนเกินไป
เรียบเรียงโดย krustory