ซักคราบน้ำหมึก คราบหนาฝังแน่นออกหมด เรื่องที่ร้านซักรีดไม่เคยบอก
แค่ซักผ้าตามปกติก็ถือเป็นงานหนักมากแล้ว แต่หากเสื้อผ้านั้นเกิดเป็นคราบสกปรกฝังแน่น คราบหมึก หรือเกิดคราบเหลืองขึ้น จะทำให้การซักผ้าเป็นงานหนักขึ้นอีกเท่าตัว และก็ไม่รู้ว่าคราบเหล่านั้นจะทำความสะอาดออกหรือไม่ หลายคนแก้ปัญหาโดยการส่งร้านซักรีด เพราะร้านซักรีดแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ แต่เคยนึกเอะใจไหม ว่าเขาทำอ ย่ า งไรจึงทำให้คราบย า กๆหายไปจนเกลี้ยง บอกตรงนี้เลย ทางร้านเขามีเคล็ดลับ ที่เขาไม่เคยบอกให้รู้
1 น้ำส้มสายชู+น้ำย า ล้างจาน ขจัดคราบแน่น
หากเนื้อผ้าต้องเจอกับคราบสกปรกฝังแน่น ให้เรานำน้ำส้มสายชูมาราดลงไปบนคราบ แล้วทิ้งเอาไว้ 10 นาที เมื่อครบเวลาก็ใช้น้ำย า ล้างจานมาหยดลงบนคราบสกปรก จากนั้นใช้นิ้วมือขัดบริเวณคราบเปื้อนให้ทั่วนาน 5 นาที แล้วนำล้างผ่ า นน้ำเย็น ในระหว่างนี้ก็ให้นำสบู่มาขัดทำความสะอาดร่วมไปด้วย พอเอาไปซักทำความสะอาดต่อจนเสร็จ คราบสกปรกฝังแน่นก็จะหายเกลี้ยง
2 นมเปรี้ยว ขจัดคราบหมึก
เป็นเรื่องใหญ่เลย หากทำหมึกหกใส่เสื้อผ้า หรือเป็นคราบหมึดที่เกิดขึ้นจากปากกา แต่ร้านซักรีดเขาจะขจัดคราบออกด้วยการใช้นมเปรี้ยว ให้เรานำเสื้อผ้าที่เป็นปัญหาแช่ลงไปนมเปรี้ยวให้ครบ 24 ชั่ ว โ ม ง อ ย่ า ลืมนะเดี๋ยวจะเน่า เมื่อครบเวลาก็น้ำมาซักออกด้วยน้ำเย็น ขณะซักก็ให้ใช้สบู่ขัดทำความสะอาดรอยเปื้อนควบคู่ไปด้วย แล้วก็ล้างด้วยน้ำเย็นให้สะอาด หากคราบหมึกยังออกไม่หมด ก็ให้เริ่มขั้นตอนวิธีทำใหม่ตั้งแต่แรก
3 ย า สระผม+น้ำย า ล้างจาน ขจัดคราบเหลือง
คราบเหลืองมักจะเกิดจากคราบเหงื่อไคลที่ห มั ก หมม จนกลายเป็นคราบสกปรกที่ซักไม่ออก วิธีแก้ง่ายๆเลยก็คือ ให้เอาย า สระผมหรือน้ำย า ล้างจาน นำมาป้ายลงไปบนบริเวณที่เป็นคราบให้ แล้วทิ้งเอาไว้ 30 นาที เมื่อครบเวลาก็นำไปซักทำความสะอาดได้ตามปกติ คราบเหลืองที่เคยติดอยู่บนเนื้อผ้าก็จะออกไปหมด
4 น้ำมะนาว ขจัดคราบเหลือง
คราบเหลืองบนเสื้อผ้าไม่ว่าจะฝังแน่นมานานแค่ไหน ใช้วิธีนี้เลยช่วยได้มาก โดยให้เรานำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วนเท่าๆกัน จากนั้นนำผ้าที่ต้องการซักคราบออก ไปแช่ส่วนผสมที่ได้ แล้วก็ซักต่อได้ตามปกติ คราบเหลืองก็จะจางลงไปมาก
5 น้ำเกลือ ขจัดคราบเหลือง
อีกวิธีที่ใช้ขจัดคราบเหลือง ให้เรานำเกลือ 1 ช้อนชาพูนๆมาละลายกับน้ำร้อน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ ไปราดลงบนบริเวณที่เป็นคราบเหลือง ทิ้งไว้สักพัก แล้วก็ซักตามปกติ คราบเหลืองบนเนื้อผ้าก็จะหายไป
6 สบู่ ขจัดรอยชอล์ค
เวลาที่เรานำเสื้อกลับมาจากร้านซ่อมเสื้อผ้า มักจะมีรอยชอล์คที่ช่างเขียน เพื่อมาร์คตำแหน่งเย็บไว้ ให้เรานำผ้านั้นไปแช่ในน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำผงซักฟอกสักพัก แล้วนำมาขยี้ตรงส่วนที่เป็นรอยให้หมด ซักต่อด้วยวิธีตามปกติ แค่นี้ก็เรียบร้อย
7 น้ำส้มสายชู ซักผ้าขน ห นู
ผ้าขน ห นู เมื่อซื้อมาใหม่ มักจะมีสีตกทุกครั้งที่ซัก ให้เราเลือกผ้าขน ห นู ให้มีเฉดสีใกล้ๆกัน ผสมผงซักฟอกกับน้ำอุ่น แล้วนำผ้าขน ห นู ที่คัดไว้ลงไปซัก จากนั้นขั้นตอนการล้าง ให้เติมน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยลงไปผสมกับน้ำ น้ำส้มสายชูนี่แหละ จะเป็นตัวกำหนดสีไม่ให้ผ้าขน ห นู ตกสีอีก และยังช่วยขจัดคราบผงซักฟอกส่วนเกินให้หมดไป
8 เข ย่ า ผ้าขน ห นู ผ้านุ่มฟูขึ้น
เมื่อเราซักผ้าขน ห นู จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่เราจะนำไปอบแห้ง ก็ให้เรานำผ้าขน ห นู มาเข ย่ า ให้คลายเกลียว เวลาที่อบแห้งออกมาแล้ว ผ้าขน ห นู จะนุ่มฟูขึ้นมาก เพราะหากไม่ทำขั้นตอนนี้ ผ้าขน ห นู จะบิดตัวกลมเป็นลูกบอล ทำให้ผิวของเนื้อผ้าแห้งไม่ทั่วถึงกัน และยังแห้งช้า มีกลิ่นอับ
9 ใช้ผงซักฟอกมากเกินไป
บางคนเข้าใจผิดว่าการใช้ผงซักฟอกมากจะทำให้ผ้าสะอาดยิ่งขึ้น แต่จริงๆแล้วผงซักฟอกที่มากเกินไป จะจับสิ่งสกปรกให้ติดอยู่ตามซอก หรือขอบของผ้า เช่นช่วงปกคอเสื้อ รักแร้ และที่อื่นๆ ก็จะยิ่งทำให้ผ้าสกปรกเข้าไปใหญ่ อีกทั้งยังมีผงซักฟอกหลงเหลือ เป็นคราบติดตามเนื้อผ้า ดูไม่สะอาดเอาเสียเลย
10 ทำให้ผ้าขาวสดใส
น้ำมะนาว จัดว่าเป็นกรดที่เราได้จากธรรมชาติ สามารถช่วยฟอกสีของเนื้อผ้าให้ขาวขึ้นได้ แค่เรานำน้ำมะนาวเทลงไปเพิ่มในการซักผ้า ในขั้นตอนการซัก จากนั้นซักตามปกติให้แล้วเสร็จ นำผ้าออกตากแดดแรงๆ ก็จะช่วยทำให้ผ้าขาวมีความสดใส ไม่หมองแลดูเหมือนใหม่
11 อุณหภูมิของน้ำซักผ้า
การซักผ้าเราต้องเลือกอุณหภูมิของน้ำให้เข้ากับเนื้อผ้าที่จะซัก ก็จะช่วยทำให้การขจัดคราบง่ายขึ้น โดยเราจะใช้ น้ำเย็นกับเนื้อผ้าบาง หรือผ้าที่หดตัวง่าย, น้ำอุ่นกับผ้าที่มีความสกปรกในระดับปานกลาง, น้ำร้อนกับผ้าที่มีความสกปรกมาก โดยเฉพาะกับผ้าสีขาว
หากเราอย า กซักผ้าให้มีประสิทธิภาพเต็มที่ เราต้องรู้ก่อนว่าเราควรซักผ้าแบบไหน กับผ้าที่มีเนื้อหรือสีอ ย่ า งไร วิธีการแรกที่ดีคือการคัดผ้าที่จะซัก อาจจะคัดผ้าสีกับผ้าขาวแยกออกจากกัน ไม่ซักรวมกัน และอาจจะแยกซักตามเนื้อผ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือขั้นตอนการตาก เวลาตากเราควรกลับเอาด้านในมาไว้ข้างนอก เพื่อป้องกันสีซีด และควรตากในที่โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ถ้าตากกลางแดดได้จะดีมาก
ขอขอบคุณที่มา Feedsod
