ข้อคิดสำหรับคนบ้างาน ทำงานจนกระทบถึงครอบครัว
“ค่าโง่” ของคนบ้างาน ทำงานจนลืมครอบครัว เสียเวลาทุกขณะไปให้กับการทำงาน จนลืมไปว่าครอบครัวที่อยู่ด้วยจะเป็นอ ย่ า งไร
ด้วยความคิดที่ว่า ทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงครอบครัวให้สุขสบาย จะทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือข้อเสียสำหรับการใช้ชีวิตแบบครอบครัวเป็นอ ย่ า งมาก หลายคนมองว่าการ เสี ย ส ละ ตัวเองเพื่อครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่อ ย่ า ลืมสิว่าอะไรที่ทำมากเกินพอดี จะต้องส่งผลเสียเป็นแน่ หากไม่เชื่อลองดูเรื่องราวของครอบครัวนี้ ไว้เป็นกรณีศึกษาดู
40 ปีที่แล้ว ผมได้เริ่มต้นทำงานกับบริษัททางการเงิน ที่มีขนาดใหญ่เป็นถึงอันดับ 3 ของโลก
35 ปีที่แล้ว ผมได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักที่สุด เราสัญญาร่วมกันว่าจะสร้างอนาคตร่วมกัน และเธอก็สนับสนุนให้ผมได้เดินทางไปหบกับความสำเร็จในหน้าที่การงานอ ย่ า งตั้งใจ และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมก้าวหน้าได้อ ย่ า งรวดเร็ว
29 ปีที่แล้ว เธอได้คลอดลูกชายคนแรกให้กับผม แต่ตอนนั้นผมติดประชุมอยู่ที่ ญี่ ปุ่ น ผมได้กล่าวขอโทษเธอ และสัญญาว่า ขอเวลาทำงานอีกสักระยะเพื่อครอบครัว เมื่อถึงเวลาผมจะกลับเมืองไทย เพื่อรับขวัญลูก และจะเอาตำแหน่งใหม่ที่ก้าวหน้ากว่าเดิมไปเป็นการขอโทษเธอ ใกล้แล้วนะ อีกนิดเดียว ฝันของเราก็จะเป็นจริงแล้ว
24 ปีที่แล้ว เธอได้คลอดลูกสาวที่เราต่างก็เฝ้ารอคอย แต่ผมได้เห็นหน้าลูกสาวเพียงแค่วันเดียว เพราะต้องเดินทางไปประชุมใหญ่ที่ต่างประเทศ ผมได้ให้สัญญากับเธออีกครั้งหนึ่ง ว่าผมจะทำงานอีกเพียงไม่นาน ก็จะกลับมาเพื่อยกเวลาทั้งหมดที่ผมมีให้กับครอบครัว เหมือนดั่งที่เธอได้รอคอยอยู่เสมอมา
13 ปีที่แล้ว หน้าที่การงานของผมได้ก้สนหน้าจนมาเป็นเบอร์ 2 ในแถบเอเชีย แต่..เธอกลับ “ขอห ย่ า ” โดยให้เหตุผลว่าอ ย า กเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่ผมไม่เคยมีให้กับเธอ ผมเถียงกลับทันทีว่า..ผมให้เธอทุกอ ย่ า งเลยนะ
แต่แล้วเธอก็บอกกับผมว่า “ชีวิตคู่ไม่ได้ต้องการแค่ทรัพย์สินเงินทองจนเกินเก็บ หากแต่เป็นความอบอุ่นมั่นใจ จากอ้อมกอดคนเป็นสามี ที่คอยเติมเต็มในคืนอ้างว้าง”
สุดท้ายเธอเลือกที่จะแยกทางไป ส่วนลูกๆก็ปล่อยไว้ให้คุณปู่กับคุณ ย่ า ดูแล ซึ่งดูแลดีเหมือนกับที่ดูแลผมมา
10 ปีที่แล้ว ลูกชายคนโตของผม เกิด อุบั ติ เ ห ตุ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เพื่อน จนถึงแก่ชีวิตและได้จากโลกนี้ไป ผมรีบบินกลับจากต่างประเทศทันที ทั้งๆที่ยังมีสัมนาสำคัญ แม่ผมบอกว่า ลูกชายเกเรเลี้ยง ย า ก ผมได้แต่ดึงลูกสาวมากอดไว้ พร่ำบอกกับเธอว่า “พ่อไม่ดีเอง ขอเวลาพ่ออีกนิดนะ แล้วพ่อจะให้ทุกอ ย่ า ง”
7 ปีที่แล้ว ก่อนที่แม่จะสิ้นใจจากโลกนี้ไป ท่านได้บอกกับผมว่า “อ ย่ า เอาแต่ทำงานจนลืมไปว่า ลูกต้องการอ้อมกอดจากพ่อที่โหยหามานาน อ ย่ า ปล่อยให้เธอรอคอยอ ย่ า งเดียวดาย”
5 ปีที่แล้ว พ่อก็ได้จากไปตามแม่ ผมแอบได้ยินญาติคุยกันว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะพ่อตรอมใจที่ต้องเสียแม่ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กับเรื่องที่ลูกสาวของผม หนีตามผู้ชายข้างบ้านไปอยู่ทางใต้ แกได้แต่โทษตัวเองว่า “ไม่มีปัญญาเลี้ยงหลานให้ดี”
ในขณะที่ผมทุ่มเททำงาน เพื่อจะได้ส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว จนในที่สุดผมก็ก้าวสู่จุดสูงสุดในสายงาน ตามที่ผมเคยฝันไว้ ผมกลายเป็นเบอร์หนึ่งในแปซิฟิค ผมมีทุกอ ย่ า งที่ผมต้องการ ผมได้ความสำเร็จมาครอบครองเหนือใคร
แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้มาฟรีๆเหมือนเป็นสัจธรรมของโลก การสูญเสียบางอ ย่ า ง กับความสำเร็จที่ได้มามันช่างคุ้มค่า แต่..มันเป็นอ ย่ า งนั้นจริงหรือ
3 ปีที่แล้ว ผมต้องไปหาหมอเพราะ เครียด..จนนอนไม่หลับ หมอได้บอกกับผมว่า ผมเป็น ” โ ร ค ซึม เศร้า” ต้องกิน ย า ให้ครบตามหมอสั่งอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้ผมมีครบแล้วทุกอ ย่ า ง แต่น่าแปลก..ผมกลับอ้างว้างอ ย่ า งที่สุด มองหาคนที่รักผมอ ย่ า งจริงใจไม่เจอสักคน มีแต่คนจ้องจะมากอบโกยเอาสิ่งที่ผมทุ่มเทหามาตลอดชีวิตของผม
ไม่มีใครเหมือนพ่อ แม่ ภรร ย า และลูกๆของผม ตอนนี้..ผมเข้าใจแล้ว ในสิ่งที่ภรร ย า เคยบอกกับผม ตอนที่เธอตัดสินใจแยกทางไป แต่..มันสายเกินไปแล้ว เพราะไม่มีใครหรอกที่อ ย า กจะรอคอยสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่าอ ย่ า ง ย า วนาน
พอถึงตอนนี้ ผมอ ย า กจะขอแลกทุกสิ่งทุกอ ย่ า งที่ผมมี เพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับคนที่ผมรัก แม้จะต้องหาเช้ากินค่ำไปวันๆผมก็ยอม ขอให้ความสุขที่แท้จริงของผมกลับคืนมาเถอะ..ได้โปรด
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกสาวของผมได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง เนื่องจากความรักของเธอกับหนุ่มคนนั้นสิ้นสุดลง ไปต่อไม่รอด…
…ผมตัดสินใจทิ้งทุกอ ย่ า ง ทั้งงาน เงินเดือน ฐานะ หรือชื่อเสียงที่สั่งสมมา ตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะขอชดเชยเยียว ย า เวลา 40 ปี ที่ผมได้โกงครอบครัวมาโดยตลอด อ ย่ า งน้อยตอนนี้ผมก็ยังเหลือลูกสาว ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ผมยังมีอยู่ ผมตั้งใจจะใชเวลาที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดของผม เพื่อจะดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของผมให้ดีที่สุด จากนี้ และตลอดไป
“บางอ ย่ า งเสียไปไม่สามารถเอากลับคืนมาได้” เราเสียเวลาเกือบครึ่งชีวิตของเราไปเพื่ออะไร
เพื่อสร้างฐานะ โดยหวังว่าจะช่วยเยียว ย า ความเป็นอยู่ของครอบครัว โดยไม่ได้หันมองเลยว่า นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวต้องการที่สุดจริงหรือเปล่า กว่าจะรู้ตัวก็เสียพวกเขาไปเสียแล้ว เหลือแต่ตัวเองกับสมบัติ อำนาจ ชื่อเสียง และความอ้างว้าง ไม่มีอะไรดีต่อหัวใจต่อความรู้สึก มากเกินไปกว่าความรักที่เราได้จากครอบครัว และคนที่รักเราหรอก
ขอขอบคุณที่มา คุณเสก เพจ มดงาน บ้านรอยยิ้ม, B i t c or e t ec h