4 อ ย่ า งนี้อนาคตใกล้เข้ามา อีก 2-3 ปี ข้างหน้านี่ชัดเจนขึ้นอีกเเน่นอน
เนื่องด้วยโลกมีการพัฒนามากขึ้นทุกวัน มีการคิดค้นนวัต กร ร ม ใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลที่ครอบคลุมทุกทาง ทุกสาขาอาชีพ แม้จะเป็นอาชีพที่เคยมีคนการันตีแล้วว่า มั่นคงแน่นอน
และด้วยสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ทำให้ใครหลายคนถูกปล่อยลอยแพให้ตกงาน บัณฑิตตามสถาบันต่างๆต้องเดินเตะฝุ่น เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น โดยไม่ต้องใช้แรงคนอีกต่อไป เพียงผู้มีความรู้เพื่อควบคุมเท่านั้น
สุดท้ายความสะดวกสบายเหล่านี้เอง ที่ได้ย้อนกลับมาทำ ร้ า ย คุณ และคนรอบตัวในที่สุด หลายอาชีพที่เคยรุ่งเรือง ต้องซบเซา ตกงาน ไม่มีที่ทำมาหากิน นั่นเป็นเพราะอะไร สาเหตุมาจากไหน ลองไปดูเรื่องที่จะยกตัวอ ย่ า งมาต่อไปนี้
1 โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่เรียนจบช่างกลมา ผมได้เข้าทำงานกับโรงงานรถยนต์อันดับ 1 ของโลก ผมมีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 15 ปี ผมได้รู้จักทุกซอกทุกมุมของเครื่องยนต์รถ
จนมาวันหนึ่ง ผมได้รับจดหมาย ให้ผมสมัครใจลาออก โรงงานบอกผมว่า ต่อไปนี้เขาจะเริ่มใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานคนแล้ว และรถยนต์ก็จะไม่มีระบบเครื่องยนต์แบบเดิม แบบที่เคยเรียน ย า นยนต์มา มันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กับรถยนต์ระบบไฟฟ้า ที่กำลังเข้ามาตีตลาดเครื่องยนต์แบบเดิมอยู่ และกำลังจะเปลี่ยนเป็นระบบรถไฟฟ้ากันทั้งหมด
แล้วผมทำอะไรผิด ผมขยันทำงาน ขยันหากิน สั่งสมประสบการณ์ชีวิตตลอด 15 ปี ผมแทบไม่เคยขาดลามาสาย ผมเป็นพนักงานยอดเยี่ยมมาเสมอ แต่ในตอนนี้ ชีวิตของผมกำลังจะอยู่ในช่วงตกงาน “ผมงงมาก” แล้วช่วงอาทิตย์ก่อน ก็มีข่าวออกมาว่ามีโรงงานปิดไปแล้วถึง 20 แห่ง แล้วต่อไปครอบครัวของผมจะเอาอะไรกิน
2 ขับรถ Taxi
ในช่วง 30 ปี ก่อนที่พ่อจะซื้อรถ 1 คัน เพื่อที่จะใช้หาเลี้ยงครอบครัว เวียนกันขับรถกัน 2 คนจนในที่สุด ก็สามารถเก็บเงินซื้อรถคันที่ 2 ได้ ผมก็ออกจากงานมาช่วยพ่อขับรถเต็มตัว ปีต่อมา เราก็ได้ก่อตั้งบริษัทแท็กซี่ ซึ่งมีรถจำนวนกว่าร้อยคัน เราต่างก็ทำงานอ ย่ า งหนัก สู้กับไฟแนนซ์จำนวนมากมาย จนก้าวหน้าขยับข ย า ยกิจการใหญ่โต
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ไม่รู้ใครสร้างปุ่มกดในโทรศัพท์มือถือ แค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น รถแท็กซี่ทั้งโลกก็อยู่ในกำมือเขา ทั้งๆที่เขาไม่มีรถเลยสักคัยเดียว ไม่ต้องปวดหัวเรื่องไฟแนนซ์แบบพวกผมด้วย
สิ่งนั้นมันถูกเรียกว่า “อูเบอร์” ใครๆก็เอารถตัวเองมาขับได้ ไม่จำเป็นจะต้องมาขับรถส่งผู้โดย ส าร เหมือนกับแท็กซี่อ ย่ า งผม โดยเขาจะทำการรับลูกค้าจากการแจ่งเตือนผ่ า น App บนโทรศัพท์มือถือ แม้ครอบครัวของเราจะเป็นครอบครัวที่ขยันทำมาหากิน และสู้งานมากแค่ไหน แต่เรากำลังโดนแย่งลูกค้า
3 ร้านขายเสื้อผ้า
ครอบครัวของฉันเปิดร้านขายเสื้อผ้าในตัวเมือง ในช่วงสมัยก่อนขายดีมากๆ วัยรุ่นเข้ามาดูทุกวัน วัยรุ่นชอบแต่งตัวตามกระแส เราก็จะหาเสื้อผ้าตามกระแสมาขาย ในช่วงนั้นกิจการการค้าขายกำลังไปได้ด้วยดี พ่อแม่ส่งเรียนมหาวิท ย า ลัยในคณะที่เหมาะสมกับงานที่บ้าน พอจบมาก็มาบริหารงานต่อจากที่บ้าน เราก้ใช้ความรู้ที่เรามีขยับข ย า ยกิจการ เปิดเป็นสาขาใหญ่ในเมืองทั่วไป จะเสียก็แค่ค่าเช่าตึกแถวค่าเช่าห้องเท่านั้น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสร้างกำไรมหาศาล
แต่มีวันดีคืนดี โลกที่เปลี่ยนไป ได้มีระบบซื้อแบบออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องไปเช่าตึกแถว ไม่ต้องเช่าห้อง ไม่ต้องไปเปิดในห้าง ไม่ต้องมีหน้าร้าน กดปุ่มแค่ปุ่มเดียวก็ได้รู้ราคาเสื้อผ้า จัดส่งให้ฟรีอีกต่างหาก ต้นทุนก็น้อย ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า โลกนี้มันเปลี่ยนไปมาก ดิฉันต้องตามกับเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่ด้วยความที่เป็นคนอายุมากแล้ว บางสิ่งบางอ ย่ า งก็ไม่สามารถที่จะตามบริษัทใหญ่ๆที่เขามีเงินทุนหนาๆได้
4 พนักงานธนาคาร
ดิฉันเป็นคนที่เรียนจบบัญชี เพราะคิดว่าการทำงานบัญชีเป็นพนักงานธนาคาร จะใช้ชีวิตได้อ ย่ า งมีความสุข ได้แต่งตัวสวยๆอยู่ห้องแอร์ ทำงานเกี่ยวกับตัวเลขใส่สูทเท่ๆ นั่งทำงานสบายๆ และดิฉันก็ได้ทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ชีวิตกำลังก้าวกระโดดไปได้ด้วยดี ชีวิตน่าภูมิในมากๆ
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอ ย่ า งก็เปลี่ยนไป มีคนเดินเข้าธนาคารน้อยลงทุกวันๆ จากปกติคนเคยเดินเข้าธนาคารวันละ 2,000 คน ตอนนี้เหลือประมาณ 500 คน หลายคนใช้แอปโทรศัพท์มือถือในการโอนเงินกันมากขึ้น และการโอนเงินก็ไม่เสียค่าโอนอีกต่างหาก ไม่ต้องเสียเงินขับรถออกมาข้างนอก อยู่บ้านก็ทำได้แค่มีอินเตอร์เน็ต
ธนาคารต่างก็มีคู่แข่งขันสูงมากขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายลง ถึงได้ทยอยปิดสาขาแล้วก็เอาพนักงานออกกันจำนวนมาก สุดท้ายแล้วตอนนี้ฉันก็ตกงาน ทั้งๆที่ยังมีภาระหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงลูกอีกต่างหาก แล้วฉันจะต้องทำอ ย่ า งไร
ลองย้อนกลับมามองดูตัวเองสักนิดว่า ตอนนี้ตัวเองเริ่มเข้าสู่วิกฤติเหล่านี้อยู่หรือเปล่า และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน หลายๆเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลา สิ่งที่ทำได้คือ เราต้องตามโลกให้ทัน และปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจเป็นแบบใหม่ ตามเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาเป็นบทบาทใหม่ของชีวิตนั้น
หากคุณมัวแต่ยึดถือเอาสิ่งที่ตัวเองมีเป็นที่ตั้ง โดยไม่มีการพัฒนาให้ทันโลก สิ่งที่คุณทำอยู่ อาจจะต้องหยุดลงไป โดยที่ไม่มีหนทางที่จะเดินต่อเลยก็ได้ ถามตัวเองก่อนว่า คุณพร้อมหรือยังกับความเปลี่ยนแปลง คุณพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือคุณปิดกั้นทุกอ ย่ า ง แล้วได้แต่ตัดพ้อกับชีวิตของตัวเองอยู่อ ย่ า งนั้น คุณจะก้าวเดินต่อไป หรือจะหยุดเพียงเท่านี้ แล้วแต่ใจคุณ
ขอขอบคุณที่มา Postsod