อายุ 30 เลิกสนใจ 10 อ ย่ า งนี้ได้ ชีวิตเปลี่ยน จะสุขขึ้นอีกเยอะ
วันเวลาไหล ผ่ า นไปเรื่อยๆไม่เคยรออะไร แม้ในแต่ละวันในชีวิตมี 24 ชั่ วโมง แต่ภายใน 24 ชั่ วโมง ทุกคนต่างก็ไม่ได้เดินทางไปในเส้นทางเดียวกัน
ใช้เวลาได้ไม่เท่ากัน แม้คุณจะได้ทำอะไรตามที่คุณวางแผนไว้หรือไม่ เวลาก็ยังคง ผ่ า นไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกที ก็ใช้ชีวิตมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว จากที่เคยเป็นเ ด็ ก มีพ่อแม่คอยรองรับตลอด มาวันนี้คุณต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้แล้ว ต้องค้นเจอเป้าหมายในชีวิตได้บ้าง แต่สิ่งที่คุณวางแผนไว้นั้น จะเป็นที่สุดของความสุขของคุณหรือเปล่า
คุณก็ต้องเดินทางกันต่อไป เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆจากวัยเ ด็ ก ถึงวัยรุ่น จากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ ต้องเผชิญอุปสรรคนานาประการ
ในทุก ย่ า งก้าวของชีวิต แต่อะไรล่ะ คือ ความสุขที่สุดที่คุณจะสามารถครอบครองได้ในชีวิตนี้ เมื่อก้าวสู่อายุ 30 ปีขึ้นไป คุณก็ควรจะเลิกสนใจบางสิ่ง และ 10 อ ย่ า งนี้ที่คุณควรเลิกให้ความสำคัญเสียที เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น
1 ทำงานหนักแต่ไม่มีใครเห็น
หากคุณต้องทำงานอ ย่ า งหนักอยู่ในบริษัทๆหนึ่งเป็นสิบปี แต่ไม่มีทีท่าว่าคุณจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือปรับเงินเดือนขึ้น ทำไปก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีความสามารถหรอก เพียงแต่คุณไม่เข้าตาเจ้านายเท่านั้น คุณก็ควรที่จะเลิกทุ่มเทจนหักโหม หันมาดูแลสุขภาพตัวเองไว้จะดีกว่า เพราะที่ทำไปดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ อาจลองเปลี่ยนเส้นทางดูบ้างก็ได้ เผื่อว่ามันจะเป็นกำไรชีวิต
แต่หากคุณทำงานและเข้าตาเจ้านายมาโดยตลอด ได้เลื่อนขั้นเป็นใหญ่เป็นโต ก็ต้องยิ่งทำงานหนักมากขึ้น ถึงแม้คุณต้องทุ่มเทให้กับงานสักเท่าไหร่ ก็อ ย่ า ลืมให้ความสุขตัวเองบ้าง หาเวลาในการดูแลสุขภาพ ได้เปิดหูเปิดตาไปท่องเที่ยวโลกกว้างบ้าง อ ย่ า ลืมว่า “โลก ขาดเราได้”
หรือหากว่าคุณนั้นเป็นเจ้าของกิจการ เริ่มสร้างและทำให้เติบโตมาด้วยสองมือของตัวเองตลอด เวลานี้คุณต้องเริ่มรู้จักใช้เงินทำงานแทนได้แล้ว เพียงหาใครมาบริหารแทน คุณก็จะมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น แค่คุณคอยมองดูอยู่ห่างๆ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ตรงจุดก็พอ
2 บอกลาสายตาจากคนอื่น
คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาใจใครมากมายขนาดนั้น สังคมใส่หน้ากากเข้าหากันมีอยู่มาก ลับหลังเขาอาจมาแ ท งข้างหลังคุณเมื่อไหร่ก็ได้ “คำนินทากาเลเหมือนเทน้ำ” อ ย่ า ได้สนใจอะไรกับมันมากนักเลย เสียเวลาและสูญเสียความสุขโดยใช่เหตุ เพื่อนไม่ต้องมีมากก็ได้ เราเน้นที่คุณภาพอ ย่ า เน้นที่ปริมาณ มากคนก็มากความ หากสนใจมากๆก็จะหาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้ จงปล่อยวางมันไว้ เพราะไม่ว่าคุณจะทำดีมากเท่าไหร่คุณก็ไม่พ้นคำนินทาอยู่ดี
3 เริ่มวางแผนการเก็บออมเพื่อวัยเกษียณ
เมื่อคุณอายุ 30 สิ่งแรกที่คุณควรมองคือ คุณมีเงินเก็บไว้เพื่อตัวเองในอนาคตเท่าไหร่ บางคน 40 แล้วยังไม่เคยมีเงินเก็บเลยก็มี ซึ่งเรื่องอ ย่ า งนี้คุณควรเริ่มต้นทำซักทีเมื่อยังมีแรงกำลังพอที่จะสู้งานหนักๆได้ ให้คุณคิดไว้เลยว่า คุณต้องมีเงินเก็บเพื่อตัวเองในวัย 50 ปีขึ้นไป เมื่ออายุคุณถึง 50 ปีแล้ว คุณต้องมีเงินเก็บเหลือพอให้ตัวเองในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า และควรมีเงินเก็บสำรองสำหรับ 10 ปีในอนาคตไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เพราะคุณจะไปหว้งพึ่งพาลูกหลานอ ย่ า งเดียวนั้นคงไม่ได้ ภาระหน้าที่ค่าใช้จ่ายของพวกเขาก็มีเหมือนกัน จงอ ย่ า ลืมว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เสมอ หากว่าลูกหลานมีใจเผื่อแผ่มาให้นั่นก็ถือเป็นกำไรชีวิต อ ย่ า ไปคาดหวังอะไรมาก
4 เสพติดโซเชียลน้อยลง
การเสพติดโซเชียลที่ไม่เป็นประโยชน์ จะทำให้คุณสูญเสียเวลาชีวิตไปโดยไม่ได้อะไรเลย ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณต้องใช้มันเพื่อต่อยอดธุรกิจ ใช้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะโลกทุกวันนี้หมุนไปเร็วมาก ผ่ า นไปเพียงหนึ่งวันก็จะเกิดสิ่งที่เราไม่รู้มากมายนัก อันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ หรือใช้ติดต่อสื่อส า ร เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น ก็ถือเป็นการ “ใช้โซเชียลอ ย่ า งชาญฉลาด” ไม่ใช่วันๆเอาแต่เสียเวลากับการดูนู่นดูนี่ในโซเชียล โดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะเมื่ออายุคุณมาถึงตรงจุดนี้แล้ว คุณต้องเริ่มหาความมั่นคงให้ตัวเอง เพื่อเป็นรากให้เติบโตขึ้นไปสู่ในอนาคตที่ยั่งยืนและตลอดไป
5 เริ่มดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น
พออายุมากขึ้นคุณควรหันมาดูแลร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกาย ไม่เ จ็ บป่วยง่าย ให้เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตต่อไปในภายภาคหน้า เลิกทำร้ า ยตัวเองด้วยการใช้งานร่างกายอ ย่ า งหนัก เช่น อดหลับอดนอนหรือพักผ่อนร่างกายไม่เพียงพอ เลิกดื่มสังสรรค์ แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพในระยะ ย า ว อ ย่ า ลืมว่า “ร่างกายดีสุขภาพจิตก็จะดี” เรื่มต้นทำมันเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะในอนาคตข้างหน้าเมื่อเราแก่ตัวไป อาจจะไม่เหลือกำลังไว้พอจะเริ่มต้นดูแลตัวเอง
6 ร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ
อ ย่ า กังวลเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ผมสีดำก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ริ้วรอยตีนกาก็มีเกิดขึ้นตามอายุ เราไม่สามารถต่อต้านธรรมชาติได้หรอก จงคิดเสียว่ามันเป็นร่องรอยแห่งประสบการณ์ เป็นสิ่งจารึกถึงการต่อ สู้ฝ่ าฟั น อุปสรรคต่างๆที่ ผ่ า นมา “จงภูมิใจในตัวเอง” ให้มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเจริญเติบโต จากประสบการณ์ จากการเรียนรู้ เพื่อเป็นสิ่งที่จะถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังสืบไป
7 อ ย่ า คิดแทนลูกหลาน
ทุกๆคนเกิดมาย่อมต้องแสวงหาทางเดินชีวิตที่เป็นของตนเอง การที่คุณจะไปคิดแทนลูกเสียทุกเรื่องย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอ ย่ า งยิ่ง เพราะ “ถ้าไม่รู้จักเ จ็ บ ก็ไม่รู้จักโต” คุณต้องปล่อยให้เ ด็ ก ๆได้ล้มลุกคลุกคลานกันบ้าง เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักความล้มเหลว จะได้เข้าใจถึงรสชาติของความสำเร็จ และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง คุณอ ย่ า ลืมนะว่า คุณไม่สามารถอุ้มพวกเขาไปได้ตลอดชีวิต หากเขาไม่รู้จักที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองแล้ว ในวันที่เสียคุณไปเขาจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อ ย่ า งไร จงให้เขาเลือกทางเดินชีวิตเองเถิด คุณแค่ดูอยู่ห่างๆก็พอ
8 ปล่อยวางบ้างอ ย่ า โมโหนัก
เมื่อได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อ ย่ า ให้โตแต่ตัว คุณควรมีวุฒิภาวะที่ดีที่ควรมีด้วย อารมณ์ที่เคยร้อนในวัยรุ่น พอถึงวัยผู้ใหญ่ต้องมีเหตุผลให้มาก มีความสุขุม รู้จักมีเมตตากรุณา ให้อภัยได้มากขึ้น เพื่อให้เ ด็ ก ๆได้เคารพรักจากใจ ไม่ใช่ใจร้อน วู่วาม ขี้โมโห จนทำให้เ ด็ ก ๆกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ เราต้องเป็นแบบอ ย่ า งที่ดี “เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ” สามารถเป็นหลักให้ลูกหลาน ได้คอยพักพิง เป็นที่ปรึกษาได้
9 อ ย่ า ลังเลหากงานที่ทำอยู่มันไม่ใช่ความสุข
งานที่คุณทำอยู่มันสร้างความสุขให้คุณไปด้วยหรือเปล่า คุณรักงานที่ทำอยู่จริงๆหรือเปล่า เพราะเวลานี้แหละเป็นเวลาที่คุณต้อง “เลือกงานที่คุณรัก” ทำแล้วมีความสุข สามารถทำไปได้จนเกษียณ เพราะหากคุณต้องจมอยู่กับงานที่คุณไม่ได้รัก ชีวิตการทำงานของคุณก็จะขาดความสุข แล้วคุณต้องทนไปอีกถึงเมื่อไหร่ หากคุณไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงอะไรในตอนนี้ คุณอาจจะแก่เกินกว่าจะเลือกได้แล้วนะ
10 อ ย่ า ปิดกั้นความรู้ใหม่ๆ
โลกหมุนไปทุกวัน ความรู้ใหม่ๆย่อมมีเกิดขึ้นได้ทุกวินาที อ ย่ า คิดว่าตัวเองมีความรู้มากพอแล้ว จนไม่รับฟังใคร คุณควรเปืดใจให้กว้าง รับฟังทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนอายุมาก หรือน้อยกว่า เพราะในยุคปัจจุบันคุณจะมาใช้คำพูดว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ได้แล้ว คลื่นลูกใหม่ที่ซัดมาแรงๆมีออกถมไป “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” หรอก เรียนรู้ที่จะตามสังคมภายนอกให้ทัน สามารถลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัยได้ดี ทำให้เราอยู่ร่วมกับคนรุ่นลูกรุ่นหลานได้อ ย่ า งมีความสุข
หากคุณสามารถใช้ชีวิตได้อ ย่ า ง 10 ข้อนี้ รับรองว่าคุณจะสามารถมีความสุขได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงวัยเกษียณ และยังเป็นความสุขที่ยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย อีกทั้งยังส่งความสุขที่คุณมีสู่คนรอบข้าง เป็นตัวอ ย่ า งที่ดีให้รุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นที่รักและที่พึ่งพิงทางใจของพวกเขาได้ เราเหนื่อยกันมาทั้งชีวิต ก็เพื่อความสุขในตอนบั้นปลายด้วยกันทั้งนั้นแหละ
ขอขอบคุณที่มา feedsod